iOS 26 Liquid Glass คืออะไร? ฟีเจอร์ใหม่ Apple ที่พลิกโฉมหน้าจอ iPhone ปี 2025

วันที่เปิดตัว: 9 มิถุนายน 2025 ในงาน WWDC 2025

Liquid Glass คืออะไร?

Liquid Glass เป็นดีไซน์ภาษาใหม่ของ Apple ที่ใช้ใน iOS 26 โดยออกแบบมาเป็นพื้นผิวโปร่งแสง เหมือน “กระจกเหลว” (neumorphic glass-like) ซึ่งสะท้อนและหักเหแสงจากเบื้องหลังตามสภาพแวดล้อม จึงให้ ‘ความรู้สึกลอยสูง’ ของไอคอน ปุ่มเมนู และ widgets

  • ใช้รองรับทุกระบบ: iOS 26, iPadOS 26, macOS Tahoe, watchOS 26, tvOS 26
  • ดีไซน์ได้รับแรงบันดาลใจจาก visionOS และ Aqua ของ macOS เพื่อรวมภาพลักษณ์ที่กลมกลืนระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ

ฟีเจอร์เด่นของ Liquid Glass

  • Translucent controls: แถบเมนู ปุ่ม slider และ widgets ปรากฏเป็นชั้นโปร่งใสที่สะท้อนปกหลังแบบเรียลไทม์
  • App icons & theme: สามโทนสี – Light, Dark และ Clear (โปร่งใส) ให้ผู้ใช้ปรับแต่ง Home Screen และ Dock ได้อย่างเต็มที่
  • Dynamic Lock/Wallpaper: นาฬิกาและ Spatial Scenes บน Lock Screen จะยืดหดหรือวางตำแหน่งตามภาพพื้นหลัง และยกวัตถุให้ลอยออกมาดูแบบ 3D
  • แอนิเมชัน & การตอบโจทย์ UX: รวมระลอกน้ำ, การเลื่อน tab ที่ดูเหมือนลื่นไหลแบบน้ำใน app เช่น Clock, Safari, Media

การใช้งานจริง–เสียงผู้ทดสอบ

  • รายการ hands-on ชี้ว่า Liquid Glass ทำให้ UI ดู “เงาวับ สวยสะดุดตา” แต่ก็มีจุดที่ยังอ่านยาก เช่น Control Center
  • Jay Peters จาก The Verge ระบุว่า “มันเปลี่ยนการเห็นหน้าจอ iPhone ครั้งใหญ่… แต่รู้สึกว่าโปร่งใสมากเกินไป และ Control Center ยังอ่านยากในบางจุด”
  • ผู้ทดสอบ Reddit บ้างก็เห็นว่า Resource UI ช่วยนักพัฒนาทำ layout ใหม่ตามแนว Liquid Glass ได้ง่ายขึ้น

การรองรับและเปิดให้ใช้

  • สถานะการใช้งาน: ปัจจุบันอยู่ใน Developer Beta (มิ.ย.) และ Public Beta คาดเปิดให้ใช้งานจริงในเดือนกรกฎาคม ก่อนเปิดตัวจริงพร้อม iPhone 16 ช่วงกันยา 2025
  • รุ่นที่รองรับ: iPhone ที่รองรับ A13 Bionic ขึ้นไป (iPhone 11 และใหม่กว่า) เนื่องจากต้องใช้กำลังประมวลผลในการสร้าง Gaussian blur และแสงสะท้อนแบบเรียลไทม์

เปรียบเทียบ Liquid Glass vs Flat Design เดิม

หัวข้อFlat Design (iOS ก่อนหน้า)Liquid Glass (iOS 26)
ความโปร่งใสไม่มีมีระดับโปร่งใส+สะท้อนแสง
การเคลื่อนไหวเดิม, แบบปกติมีแอนิเมชัน fluid-like
ความกลมกลืนกับวอลล์ไม่สัมพันธ์ปรับตามโทนภาพพื้นหลัง
UX/UIสไตล์ flatย้อนกลับสู่ “skeuomorphic” แต่ทันสมัย apple.com
ข้อจำกัดเหมาะกับการอ่านทุกสภาพอาจอ่านยากในแสงจ้าหรือพื้นหลังสีจัด

ประโยชน์จริงและสิ่งควรระวัง

ข้อดี

  • ให้ความรู้สึก ‘ลอย’ ของ UI ที่ทันสมัย ดูเนียนและพรีเมียม
  • ปรับให้เข้ากับภาพพื้นหลังและเงาได้ดี
  • พัฒนาระบบน iPad, Mac และ Watch ให้มีประสบการณ์สอดคล้องกัน

ข้อจำกัด

  • ความโปร่งใสอาจลดความชัดเจน – โดยเฉพาะ Control Center และเมนูที่มีฟิลเตอร์เบา apple.com
  • นักออกแบบและนักพัฒนาต้องปรับ UI ให้ไม่หลอมรวมกับเบื้องหลังมากเกินไป

FAQ: คำถามที่พบบ่อย

  1. Liquid Glass คืออะไร?
    ดีไซน์ภาษาใหม่แบบ translucent glass-like UI ที่เปิดตัวพร้อม iOS 26
  2. มีเฉพาะบน iPhone ใช่ไหม?
    รองรับ iOS 26, iPadOS 26, macOS Tahoe, watchOS 26 และ tvOS 26
  3. ต้องใช้รุ่น iPhone ไหนจึงจะเห็น Liquid Glass?
    เริ่มที่ iPhone 11 ขึ้นไป เนื่องจากสนับสนุนหน่วยประมวลผลที่เพียงพอ
  4. Liquid Glass แตกต่างจาก flat design มากน้อยแค่ไหน?
    ต่างอย่างชัดเจน – เปลี่ยนจาก UI แบบเรียบเป็นแบบโปร่งแสง มีแสงสะท้อนและลักษณะเหมือนกระจกเหลว
  5. ประสบการณ์ใช้งานจริงเปลี่ยนอย่างไร?
    UI ดูเงาวับขึ้น แอพตอบสนองต่อภาพพื้นหลัง แต่ Control Center อาจอ่านยากในบางกรณี
  6. ถ้าไม่ชอบ Liquid Glass จะปิดได้ไหม?
    ปัจจุบันยังไม่มีตัวเลือกปิด แต่น่าจะมี custom theme หรือโหมด Clear/Light/Dark ให้เลือกในอนาคต
  7. นักพัฒนาต้องปรับแอปไหม?
    Apple มี SwiftUI API และ Resources สำหรับ Liquid Glass เพื่อให้ dev สามารถปรับ UI ได้สะดวก
  8. ฟีเจอร์นี้กินแบตไหม?
    มีการประมวลผลกราฟิกมากขึ้น แต่ Apple กล่าวว่าสามารถจัดการได้ด้วยชิปใหม่ โดยไม่มีผลกระทบต่อแบตอย่างมีนัยสำคัญ
  9. มีผลกระทบกับการเข้าถึง (Accessibility) เท่าไหร่?
    Apple ระบุว่าจะปรับปรุงความคอนทราสต์ เพิ่มเส้นขอบหรือปรับความทึบเมนูเพื่อช่วยผู้ใช้ในสภาพแสงต่างๆ
  10. ฟีเจอร์ใหม่ใน iOS 26 มีอะไรบ้าง?
    นอกจาก Liquid Glass ยังมี Apple Intelligence (แปลภาษาเรียลไทม์, Visual Intelligence, ChatGPT integration), แก้ไขแอป Phone/Messages, CarPlay Compact view และ Games app

Liquid Glass ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่ iOS 7 — นำเอาสิ่งที่เรียนรู้จาก visionOS และการออกแบบของ macOS มารวมในมือถือ ใช้งานได้ตั้งแต่ iPhone 11 ขึ้นไป และขยายไปยังอุปกรณ์อื่นของ Apple ด้วย แม้มาพร้อมความสวยงาม แต่ก็มีจุดต้องปรับเรื่องความชัดเจนในบางเมนู

สรุปคือ Apple ก้าวสู่ยุคใหม่ของ UI ที่ “ลื่นไหล โปร่งใส และตอบสนองต่อบริบทจริง” — หากคุณอยากลองก่อนใคร สามารถลงทะเบียน Public Beta ได้ช่วงกรกฎาคม ก่อนเปิดให้ใช้จริงพร้อม iPhone 16 กันยายนนี้